คำถามถึงผู้ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
วันนี้ ผมดีใจนะครับ ที่มีกลุ่มคนไทยส่วนหนึ่งออกมาแสดงตัวว่าเป็นกลุ่มที่อยากปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะผมเองก็ยังคิดว่า “สถาบันพระมหากษัตริย์” มีความสำคัญต่อ “ประเทศไทย” และควรที่จะ “ต้องมีและรักษาให้คงอยู่ตลอดไป” เพราะผมเห็นหลายประเทศที่เคยมี “สถาบันพระมหากษัตริย์” มาก่อน แต่วันนี้ “ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์” แล้ว และประชาชนในประเทศเหล่านั้นต่างเสียดายที่สูญเสีย “สถาบันพระมหากษัตริย์” ไป จนไม่สามารถจะสถาปนาให้กลับมาได้อีก
แต่ผมมีคำถามอยากจะถามคนไทยกลุ่มที่อยากปกป้อง “สถาบันพระมหากษัตริย์” สักหน่อยครับ
คำถามแรก คือ คำว่า “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่ท่านอยากปกป้องนั้น คืออะไรกันแน่ ระหว่าง
(1) “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่เป็น “องค์กร”
(2) “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่หมายถึง “ในหลวงรัชกาลที่ 9” และ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ”
(3) “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่หมายถึง “ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน”
ที่ถามเช่นนั้น เพราะแต่ละคำตอบมีนัยยะที่ต่างกันมาก และทุกวันนี้ เราอยู่ในรัชสมัยของ ““ในหลวงรัชกาลที่ 10” แล้ว แต่ผมเห็นคนที่ออกมาแสดงออก ต่างก็พูดถึง “ในหลวงรัชกาลที่ 9” บ้าง “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” บ้าง ที่ทั้งสองพระองค์ ได้ทรง “ทรงงาน” อย่างต่อเนื่องมาช้านาน บ้างก็พูดถึง “คุณความดี” ของ “พระพระมหากษัตริย์” ในรัชกาลก่อนๆ โดยไม่ยอมพูดถึง “ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน” เลย
คำถามที่สอง คือ คนไทยกลุ่มที่อยากปกป้อง “สถาบันพระมหากษัตริย์” รู้ไหมครับว่า “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่เป็น “องค์กร” ในสมัย “ในหลวงรัชกาลที่ 9” กับ “ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน” มันมีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไปในเชิง “โครงสร้าง” คือ
(1) “สมบัติชาติ” ที่เคยอยู่ในรูปของ “ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” วันนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็น “ทรัพยฺสินส่วนพระองค์” ของ “ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน” ไปแล้ว
(2) “ทหารรักษาพระองค์” ที่เคยเป็น “ทหารของชาติ” ที่มีหน้าที่ปกป้องประเทศและ “อารักขา” พระมหากษัตริย์ วันนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็น “ทหารส่วนพระองค์” ไปแล้ว
(3) “พระมหากษัตริย์” ที่เคยทรงประทับอยู่ “ในราชอาณาจักร” เป็น “ปกติ” วันนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็น “พระมหากษัตริย์” ที่ประทับอยู่ “นอกราชอาณาจักร” ตาม “พระราชอัธยาศัย” ไปแล้ว
(4) “พระมหากษัตริย์” ที่เคยทรงเสด็จเยี่ยมเยียน “พสกนิกร” ในราชอาณาจักร อยู่เป็นนิจ วันนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็น “พระมหากษัตริย์” ที่ไม่เคยเสด็จเยี่ยมเยียน “พสกนิกร” ในราชอาณาจักร เลย ไปแล้ว
(5) “พระมหากษัตริย์” ที่เคยทรงเสด็จเยี่ยมเยียน “มิตรประเทศ” โดยเฉพาะประเทศที่มีการปกครองในระบอบ “กษัตริย์” ในช่วงแรกของการสถาปนาขึ้นครองราชย์ จวบจนวันนี้ เป็นเวลากว่า 6 ปี “ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน” ยังไม่เคย “เสด็จเยี่ยมเยียน “มิตรประเทศ” ใดเลย”
(6) “งบประมาณ” สำหรับ “พระมหากษัตริย์” ที่เคยจัดสรรอย่าง “พอเพียง” ตามพระราโชบายของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” วันนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็น “งบประมาณ” ที่ “เพียงพอ” ต่อพระราชประสงค์ของ ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน” ไปแล้ว
(7) “พระมหากษัตริย์” ในรัชกาลก่อนๆ เคยทรงดำรงพระองค์ตาม “พระราชประเพณี” แต่วันนี้ “พระมหากษัตริย์” ทรงดำรงพระองค์ตาม “พระราชอัธยาศัย” ไปแล้ว
(8) ฯลฯ
คำถามที่สาม สอง คือ เมื่อ “โครงสร้างสถาบันพระมหากษัตริย์” ได้เปลี่ยนไปแล้วข้างต้น คนไทยกลุ่มที่อยากปกป้อง “สถาบันพระมหากษัตริย์” ยังอยากให้ “สถาบันพระมหากษัตริย์” เป็นไปตาม “พระราชอัธยาศัย” ดังกล่าวหรือ
คำถามสุดท้ายครับ คือ วันนี้ คุณ “อคติ” กับเด็กนักเรียน นิสิต และนักศึกษาหรือเปล่า
ผมไม่เชื่อว่าเด็กนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนที่ออกมาเรียกร้องดังกล่าวเป็นพวก "ชังชาติ" "เนรคุณแผ่นดิน" และ “ต้องการจะล้มเจ้า” อย่างที่ถูกกล่าวหา
ผมเชื่อว่า ถ้าเรา “ตัดกระพี้ ความมันปาก ความก้าวร้าว และความอคติ” ออกไป แล้วใช้สติและความใจกว้าง พินิจ พิจารณา ด้วยเหตุผล จะพบว่าพวกเขาไม่ได้เป็นพวก "ชังชาติ" "เนรคุณแผ่นดิน" และ “ต้องการจะล้มเจ้า” อย่างที่ผู้ใหญ่หลายๆกลุ่มคิดแต่อย่างใด
ทั้งหมดทั้งสิ้น มันคือความ “อคติ” “ความใจแคบ” “ขาดสติ” “ไร้เหตุผล” และ “ใช้อารมณ์ความรู้สึกในการตัดสิน” ชองเราใช่หรือไม่
อย่าผลักไส ไล่ล่าพวกเขาไปจนมุมของความ "ชังชาติ" ที่กำลังมองคนรุ่นใหม่เป็นศัตรู เพราะเพียงแค่เขาคิดไม่เหมือนเรา หรือ (อาจคิดเหมือน แต่) ทำไม่เหมือนเรา แล้วก็ลุกขึ้นมารุมประณามพวกเขา
จงเปิดใจให้กว้างกับลูกหลานเราเถอะครับ เปิดพื้นที่ให้เขา เปิดเวทีให้เขา ให้เขาพูด และรับฟังเขา คุยกันด้วยผล อย่างมีสติ มีเมตตา จริงใจต่อกัน ทำความเข้าใจกัน และหาข้อยุติร่วมกัน
ผมชอบอักษรจีนเดิมครับ ในคำว่า “ชาติ” ประกอบด้วยของ 3 สิ่ง คือ “แผ่นดิน อำนาจ (อธิปไตย) และประชาชน” ที่แยกกันไม่ได้
หยุด “อคติ” กับลูกหลานของเราเถอะครับ (เพราะเขาเป็น “ประชาชน” และเป็นส่วนหนึ่งของชาติเรา) แล้วมาหาทางออกร่วมกัน เพื่อ “ชาติ” ของเราไงครับ ถ้าเราทุกคน “รักชาติ” จริง
---------------------------------------------------------------------------------------------